วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนทุนน้อย


บทความนี้ผมขอนำเสนอสำหรับคนมีทุนน้อย ไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพอะไรดี  งานที่ผมจะแนะนำเพียงคุณมีเงินแค่ประมาณซัก หกพันบาทก็ทำงานได้แล้ว     นี่ไม่ใช่งานขายตรงนะครับผมว่าท่านดูคลิปเอา
เองดีกว่าจะเข้าใจง่ายขึ้น



เมื่อท่านรู้แล้วว่ามันคืออะไรก็ต้องดูคลิปต่อไปครับ  วิธีหาเงินจากมัน





ก็ถือว่่าเป็นหนึ่งทางเลือกนะครับ ถ้าใครสนใจก็โทรหาผู้เขียนได้  095 -5294371  ID line; bangsmart
ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ

ไก่ทอดสุดยอดคลาสสิค

                    
    บทความนี้ผมมีช่องทางหาเงินมานำเสนออีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจมากครับ มีเงินซัก  30.000 บาท  ก็สามารถเริ่มทำธุรกิจได้แล้วครับ  นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของทำเล  ยิ่งคนพลุกพล่านมากเท่าไหร่ยิ่งดีครับ ยิ่งติดถนนใหญ่ก็ดีเข้าไปอีก  มาดูกันว่า เงินทุนสามหมื่นบาทต้องใช้ลงทุนทำอะไรบ้าง  สิ่งแรกคือรถเข็น รถไหม่ราคาประมาณ 20.000 บาท แต่ถ้าเป็นมือสองก็จะอยู่ที่ประมาณ 8,500บาทจากนั้นก็เป็นถังแก๊ส หัวแก๊ส สองอย่างนี้ประมาณ 3,000 บาท (หมายถึงของไหม่นะ ถ้าเป็นของมือสองจะถูกกว่าเป็นครึ่ง แล้วอุปกรณ์อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือกระทะทอดไก่ ขนาดกลางราคาก็ประมาณ 500 บาท ที่เหลือก็ไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซื้อไก่ น้ำมัน เครื่องปรุงและอุปกรณ์เบ็ตเล็ด  ทีนี้เรามาดูกันว่าไก่ 1 ตัวจะทำกำไรให้เราซักเท่าไหร่ เรื่องนี้ไม่ตายตัวแน่นอนเสมอไปเพราะแม่ค้าแต่ละรายการตัดชิ้นไก่มาทอดจะไม่เหมือนกัน บางคนทอดชิ้นใหญ่บางคนก็ทำแบบชิ้นเล็ก แต่ผมจะขอยกตัวอย่างแบบสูตรมารฐานสากลสำหรับเมืองไทย ไก่ตัวละ 2 กิโล ราคาประมาณ 120 บาท สามารถทำเป็นชิ้นได้  12 ชิ้น รวมตับอีก 1 ชิ้น รวมเป็น 13 ชิ้น ยังไม่คิดส่วนคอไก่กับตีนไก่อีกสองข้าง  เรามาคิดแค่ 13 ชิ้น นี้ก่อน ราคาขายของเราคือขายชิ้นละ 20 บาท เราก็จะได้ 13 x 20= 260 บาท หักต้นทุนที่ราคาไก่ 120 บาท ก็จะมีกำไร 240 บาท ต่อ 1 ตัวไก่  จะเห็นว่ากำไรไม่ใช่เล่น ๆ นะครับ


                    แล้วสูตรไก่ทอดละจะไปเอามาจากไหน ขืนไปขอมั่วเดี๋ยวโดนตะเพิดแน่  ไม่ต้องตกใจครับผมเตรียมไว้ให้แล้ว สูตรไก่ทอดที่โด่งดังมาก ๆ และป็นที่นิยมกันไปทัวประเทศ ผมคิดว่าน่าจะมาจากแถวภาคไต้ เช่นสูตรไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดเมืองคอน  สูตรไก่ทอดมันมีเป็นร้อย ๆ สูตรแหละครับ แต่พื้นฐานที่แต่ละสูตรมีเกือบเหมือนกัน  สูตรนี้สำหรับหมักไก่ 2 กิโลนะครับ ถ้ามากกว่านี้ก็เพิ่มตามอัตราส่วน 
1.พริกไทยขาวเม็ด 2 ช้อนโต๊
2.ซ๊อสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊
3.ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊
4.ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊
5.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊
6.ยี่หร่า 2 ช้อนชา
7.กระเทียม 1/4 ถ้วย
8.รากผักชี 5-8 ราก
9.เกลือป่น 1 ช้อนชา
10.น้ำปูนไส 1/4 ถ้วย

                       นำทุกอย่างคลุกรวมกัน หมักไก่ทิ้งไว้ซัก  1 คืน ตอนเช้าก็ทอดขายได้แล้วครับ ลองดูครับจะทอดกินที่บ้านกับญาติ ๆ หรือทอดขายก็แล้วแต่ความสะดวกของท่าน ผมแค่มาทำหน้าที่นำเสนออีกหนึ่งทางเลือก ก็น่าสนใจเหมือนกันนะครับ  ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สวยและหล่อแบบมีกำไร

                     สวยและหล่อแบบมีกำไรด้วย    บทความนี่ขอแนะนำช่องทางการสร้างรายอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมาก ใช้ทุนน้อย แค่มีมอไซต์ซักคันก็ทำงานได้แล้ว ใช้ทุนแค่ประมาณ 5,000.00(ห้าพันบาท)ตลาดแว่นตาเดี๋ยวนี้ทำได้เนียนมาก แว่นตาอันละไม่ถึงร้อยแต่ทำได้เหมือนอันละเจ็ดพัน เดี๋ยวนี้ประเทศจีนเขาทำได้เนียนมากๆแหล่งขายส่งแหล่งใหญ่ก็อยู่ที่สำเพ็งนั่นแหละครับ ราคาขายส่งก็อยู่ที่ประมาณอันละ 25 บาทเลือกแบบตามใจชอบ ซื้อมาลองตลาดก่อนซัก 100 อันก็ได้ ต่างจังหวัดแหล่งขายส่งก็มีนะครับราคาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ผมแนะนำให้ลงสินค้าให้เยอะไว้ก่อน ซัก100-200 อัน เวลาไปเลือกสินค้าก็ตั้งใจเลือกหน่อย พยายามมองตลาดให้ออกว่าสินค้าแบบไหนน่าจะขายได้ดี ก็เลือกให้ครบทุกแบบนั้นแหละครับเอาที่แบบวัยรุ่นชอบใส่และที่แบบคนมีอายุเขาชอบใส่

                    เมื่อเราได้แว่นตามาแล้วทีนี้จะขายอย่างไร แล้วราคาขายจะขายอันละท่าไหร่   เอากำไรน้อย ๆ แต่ขายได้จำนวนมาก ก็ต้องขายอันละ 99. บาท สิ่งที่ต้องเตรียมคือ กล่องพลาสติกแบบทึบ เพราะป้องกันแสงได้ดี ผ้ารองปูพื้นควรจะเป็นสีแดงหรือเลือกสีเข้ม ๆ ไม่ต้องจัดเรียงอะไรหรอกครับรวมใว้เป็นกองพะเนินนั่นแหละดีแล้วคือทำให้เหมือนเป็นของถูกจะขายง่ายกว่าแหล่งที่จะขายละ เราจะขายที่ไหนดี ก็มีทั้ง ตลาดนัด ตลาดเปิดท้าย  แต่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบตลาดที่มีหลังคาเพราะว่าไม่ร้อน และไม่เปียกฝน ก็เรามีมอไซต์คันเดียวอย่าขนอุปกรณ์อย่างอื่นให้ยุ่งยากเลย เราขายอันละ 99 บาท ต้นทุนอยู่ที่อันลันละ 25 บาท วันนึงขายได้ซัก 10 อันก็ได้กำไร 750 บาทต่อวันถือว่าโอเคแล้วครับ สำหรับงานที่ลงทุนน้อย ๆ แบบนี้ เพื่อนของผู้เขียนเคยไปขายที่เกาะสมุยวันเดียวได้ตั้ง 8700. (แปดพันเจ็ดร้อยบาท) อย่างว่าละครับขายตามแหล่งทอ่งเที่ยวอาจได้จำนวนเยอะแต่มันเสี่ยงเรื่องลิขสิทธิ์นะครับ
                  ก็เป็นทางเลือกช่องทางทำเงินอีกอาชีพครับ ใครมีสายเลือดแม่ค้าอยู่ในตัว ก็ลองดูครับเป็นงานที่ลงทุนไม่มากสำหรับในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ขอให้โชคดีทุกท่านครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2558

ต่างหูลงทุนน้อย แต่กำไรไม่น้อย






ขายต่างหูจากสำเพ็งกำไรวันละพัน
                            นี่คืออาชีพทำเงินสำหรับคนที่มีทุนน้อย  เพราะคุณมีเงินทุนแค่ 5,000. บาท ก็มีช่องทางทำเงินที่น่าทึ่งแล้วครับ  เพราะราคาต้นทุนจากสำเพ็งนั้นจะตกคู่ละประมาณ 2 - 6 บาท เฉลี่ยก็จะตกคู่ละประมาณ 4 บาท แต่เวลามาขาย เขาขายกันที่คู่ละปมาณ 20 บาท มองหาทำเลสวย ๆ รับรองไม่ผิดหวัง จะเน้นขายนักศึกษา หรือลูกค้าคนทำงานออฟฟิศก็ได้ แล้วแต่สะดวก ที่สำคัญคนต้องพลุกพล่านไว้ก่อน ถ้าได้ตลาดเปิดท้าย หรือตลาดนัดยิ่งเวอร์คเข้าไปอีก



แบบของต่างหูนั้นมีหลายเกรดหลายราคา แต่ที่อยากจะแนะนำคือแบบราคาประมาณ 2 - 4 บาท เพราะเราจะขายได้ง่าย ขายได้เร็ว บางคนขายแบบเร็วด่วนจี๋ก็ขายแบบราคา 10 บาททุกคู่ก็มี เขาบอกว่าถึงกำไรจะน้อยแต่ก็สามารถทำเงินได้เร็ว  ส่วนพวกวัสดุอุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมากมาย 
จากภาพจะเห็นว่าเขาลงทุนราวตากผ้า 1 อันราคาประมาณ 240 บาท ตะแกรงลวด ขนาด 40 x 120 ซม. จำนวน 2 อัน ราคาอันละ 90 บาท  ตะขอเกี่ยวไว้แขวนต่างหูประมาณ 50อัน ราคาอันละ 5 บาท รวมวัสดุอุปกรณ์ประมาณหนึ่งพันบาท รวมกับค่าสินค้าครั้งแรกประมาณ สี่พันบาท รวมทั้งหมดใช้เงินทุนทั้งสิ้นประมาณ ห้าพันบาท ก็มีข่องทางหาเงินได้แล้วครับ

                 สำหรับแม่ค้าคนนี้ที่ได้ไปสัมภาษมา  พี่เขาบอกว่า ขายมาประมาณปีกว่าแล้ว ตอนแรกไม่คิดว่าจะขายได้ แต่พอลงมือแล้วขายง่ายมาก พี่เขาวิ่งขายตลาดเปิดท้าย รายได้วันนึงก็เกือบสองพันบาทหักแล้วได้กำไรประมาณ 800 - 1,200. บาท  นี่ขนาดแกขายคุ่ละ 10 บาทนะครับ
                      ก็ฝากไว้พิจารณาอีกหนึ่งอาชีพนะครับ สำหรับช่องทางทำเงินที่ลงทุนไม่เยอะ ที่สำคัญคืนทุนเร็ว กำไรเยอะ  ลองดูครับ ชีวิตของเรา เราเป็นคนลิขิตเอง ไม่มีคำว่าจนในหมู่คนขยัน

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558

ขายครีมบำรุงผิวยี่ห้อของตัวเอง



ขายครีมบำรุงผิวแบรนด์ของคุณเอง
              อีกหนึ่งอาชีพทำเงิน ไม่ว่าสภาวะเศรฐกิจจะเป็นอย่างไร ผู้หญิงก็ต้องการความสวยไว้ก่อน ผลิตภัณฑ์พวกเครื่องสำอางก็เลยขายได้ตลอดเวลา    และขายได้ทุกวัยตังแต่วัยเริ่มสาวจนถึงสาวตอนปลายในท้องตลาดก็เลยมีวางขายกันอยู่เป็นร้อย ๆ ยี่ห้อ    ถ้าเป็นแบรนด์ที่หรู ๆ ก็มักจะมีราคาแพง รองลงมาก็ถูกลงมาหน่อย    เรียกได้ว่าสร้างมาให้สวยกันทุกระดับชั้น     เดี๋ยวนี้มีดาราหรือคนดังหลาย ๆ คนก็หันมาจับธุรกิจพวกเครื่องสำอางกัน           บางคนก็เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ดังจากเมืองนอก    บางคนก็เป็นเจ้าของแบรนด์เอง สร้างยี่ห้อขึ้นมาเอง   แล้วถ้าเราไม่ใช่คนเด่นคนดังละจะทำเครื่องสำอางเองได้หรือไม่  ขอตอบว่าได้ครับ       เพราะเมื่อโลกเปลี่ยนเป็นอินเตอร์เน็ต อะไรต่าง ๆ มากมายที่ไม่เคยเป็นไปได้ ก็เป็นไปได้ครับ 


                 ตอนนี้เราสามารถสั่งซื้อครีมบำรุงผิวแบบต่าง ๆ          ได้จากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง     ทางโรงงานจะขายในราคาขายส่ง    เป็นถัง ถังนึงก็ตกประมาณ  5 - 15 ลิตร ส่วนพวกตลับใส่ครีมก็สามารถสั่งจากโรงงานที่เขารับผลิตและจำหน่าย ทางโรงงานจะออกแบบให้เรา หรือเราจะออกแบบเองก็ได้    แต่ส่วนมากทางโรงงานเขามีแบบอยู่แล้วเราสามารถเลือกแบบตามที่เราชอบได้เลย  
                  โลกของอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนี้  สามารถทำให้เราเป็นเจ้าของกิจการได้อย่างง่าย ๆ ส่วนทางด้านการตลาดนั้นก็ต้องอาศัยช่องทางการจำหน่ายทางโซเชียล เช่น เฟสบุ๊ค ทางไลน์ หรือกูเกิ้ล
                   ข้อมูลต่าง ๆ ที่เราต้องการ เราสามารถเสริชหาจากกูเกิ้ลได้หมดเลยครับ เช่นเราอยากรู้ว่า มีบริษัทไหนบ้างที่ขายครีมบำรุงผิวแบบเป็นถังในราคาส่ง หรือมีบริษัทไหนบ้างที่จำหน่าย และผลิตตลับครีมเครื่องสำอาง    เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของท่าน ที่ต้องวางแผนในการจำหน่ายโดยเราต้องทดลองใช้ผลิตภัณฑ์นั้นก่อน เมื่อเห็นว่ามีคุณภาพที่ดีพอก็    อาจเริ่มจากขายญาติ ๆ หรือคนใกล้ตัว ถ้าผลการตอบรับไปได้ด้วยดี ก็ลงโฆษณาขายกับเฟสบุ๊ค หรือกูเกิ้ล


                  ก็ฝากไว้อีกหนึ่งอาชีพทำเงินกับการขายครีมบำรุงผิวยี่ห้อของตัวเอง    หลายท่านอาจจะมีไอเดียร์ที่บรรเจิดกว่านี้ก็นำไปประยุกต์ใช้กันดูครับ     โอกาสกำเงินแสนก็อยู่ไม่ไกลครับ อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องผ่อนแรงช่วยเราได้มากเลยครับ      โอกาสตัวเราเป็นผู้สร้างขึ้นมาครับ แล้วรีบคว้าโอกาส เป้าหมายก็จะอยู่ไม่ไกล โชคดีทุกท่านครับ

มารับเงินแสนกับเสื้อยืด




ขายเสื้อยืดรับเงินแสนแบบเงียบ ๆ 
           บทความนี้มีอาชีพรับเงินแบบเงียบ ๆ มาฝากกันครับ นี่คืออีกหนึ่งอาชีพทำเงิน ที่สามารถทำเงินแบบเงียบ ๆ ที่ผมใช้คำว่าแบบเงียบ ๆ ก็เพราะว่าเสื้อยืดเป็นเสื้อที่ใส่ได้ทุกเพศทุกวัย และไม่มีตกยุค และสามารถทำเงินได้ตามกระแสอีกด้วย เทรนด์ไหนมาแรง     เสื้อยืดก็เกาะติดกระแสทุกครั้ง แถมเมื่อมีโซเชียลเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เห็นกลุ่มตลาดที่ใหญ่โตมโหฬาลรอเราอยู่ มันขึ้นอยู่กับเราแล้วละ  ว่าจะมองเห็นช่องทางทำเงินได้อย่างไร
             กลุ่มตลาดเสื้อยืดมีเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดตามกระแส ตลาดตามเทรนด์ ตลาดเฉพาะกลุ่ม


                แต่บทความนี้ผมขออนุญาติแนะนำกลุ่มลูกค้าที่เป็นเฉพาะกลุ่ม ซึ่งมีมากมายเป็นพัน ๆ กลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสมาชิกหลักร้อยถึงหลักหมื่น ถ้ากลุ่มไหนถูกใจเสื้อยืดของท่านรับรองขายกันไม่ทันแน่    กลุ่มที่ว่านี้ก็อยู่ในเฟสบุ๊คไงละครับ   เช่น  กลุ่มตกปลา  กลุ่มเลี้ยงนกสวยงาม กลุ่มเล่าเรื่องผี กลุ่มปลูกบอนไซ ลองไปหาดูครับในเฟสบุ๊ค ลองดูกลุ่มไหนที่สมาชิกมาก ๆ หลักพันขึ้นไป   อันดับแรกท่านต้องไปสมัครเข้ากลุ่มก่อน เมื่อได้เข้ากลุ่มแล้ว ท่านลองทำแบบเสนอเข้าไป แต่ต้องอ่านกฏกติกาของกลุ่มให้ดีนะครับ เดี๋ยวจะโดนลบออกจากกลุ่ม

            ต้องลงทุนก่อนในขั้นแรก คือทดลองสั่งพิมพ์ ซักสองสามแบบ แล้วโพสต์โชว์ดูก่อน ถ้าสมาชิกในกลุ่มชอบแบบไหน ก็เดินหน้าสั่งแบบนั้นเยอะ ๆ โรงงานที่รับผลิตทำเสื้อยืดก็หาได้ไม่ยาก เสริชดูในกูเกิ้ลก็ได้แล้วครับ เลือกโรงงานที่ดูน่าเชื่อถือหน่อย คุยหลาย ๆ ที่นะครับ จะได้เปรียบเทียบราคา
                เท่าที่รู้ราคาต้นทุนกับราคา่ขายครึ่งต่อครึ่งครับ มันก็ขึ้นอยู่กับจำนวนที่เราสั่งทำด้วย ยิ่งสั่งจำนวนมากราคาก็ยิ่งถูก


             ก็ลองนำไปต่อยอดกันดู บางท่านอาจจะมีไอเดียร์อยู่แล้ว ถือเป็นช่องทางทำเงินอีกอาชีพหนึ่งนะครับ อย่างน้อยก็มีกลุ่มตลาดอยุ่แล้วอยู่ที่ว่าเราจะหาช่องทางทำกำไรกับมันได้อย่างไร  ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ครับ ถ้าเรายึดมันในเป้าหมายของเราอย่างจริงจัง ขอเอาใจช่วยคนทำมาหากินทุกท่านครับ

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

รับจ้างทำความสะอาด




                                       รับจ้างทำความสะอาด
             บทความนี้ผมจะนำท่านผู้อ่านไปรู้จักอาชีพทำเงินอีกอาชีพหนึ่งครับ ที่ทำเงินได้อย่างมากมายและไม่ควรมองข้าม  ปกติเราจะเห็นพนักงานทำความสะอาดตามโรงแรม ห้างสรรพสินค้า หรือตามโรงพยาบาล แต่บทความนี้ผมขอนำเสนอกลุ่มลูกค้าของงานรับจ้างทำความสะอาดอีกกลุ่ม ที่คนมักจะมองไม่เห็น นั่นคือกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการบ้านจัดสรร ปกติแล้วบริษัทที่ทำบ้านจัดสรรขาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวเฮาส์ หรืออาคารพาณิชย์  เวลาที่เขาสร้างเสร็จแล้วและพร้อมที่จะส่งมอบบ้านให้ลูกค้าเข้าพักอยู่อาศัย เขาก็ต้องเคลียร์ทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย เพราะร่องรอยของการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเศษของสีที่ทาตัวอาคาร เศษของการตกแต่งภายในบ้าน มันยังมีตกหล่น ต้องทำความสะอาดใหม่อีกรอบ

             แล้วรายได้ละ คำถามที่ท่านผู้อ่านควรจะรู้ รายได้จากอาชีพรับจ้างทำความสะอาด คนที่ทำอาชีพนี้อยู่เขาบอกว่า เวลาคิดค่าจ้างจากบริษัทรับสร้างบ้านเขาจะคิดเหมาเป็นหลัง ๆ ไป เช่นถ้าเป็นทาวเฮาส์เขาจะคิดกันที่ประมาณหลังละ 2,000. - 3,000. บาท บ้านเดี่ยวคิดกันที่ 3,000. -4,000. บาท

             ที่นี้มาดูตุ้นทุนของอาชีพนี้กันบ้าง ใช้เงินลงทุนประมาณ 100,000. - 200,000. บาท แบ่งเป็นค่าเครื่องมืออุปกรณ์ประมาณ 150,000. บาท เงินทุนหมุนเวีนอีกประมาณ 50,000. บาท ควรมีลูกมือ 2-3 คน เพราะการทำความสะอาดแต่ละครั้งสำหรับบ้านหนึ่งหลังใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง  อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ หลัก ๆ ก็ได้แก่ เครื่องขัดพื้น เครื่องดูดฝุ่น ไม้ถูพื้น ไม้กวาด น้ำยาทำความสะอาด


              อ่านบทความนี้แล้วใครมีไอเดียดี ๆ ก็สามารถนำไปต่อยอดได้อีกนะครับ ปัจจุบันนี้มีโครงการณ์ก่อสร้าง มากมาย ลองเข้าไปสำรวจดู ลองถามดูเฉย ๆ ก่อนก็ได้   ว่าเขาต้องการคนทำความสะอาดบ้านหรือไม่       ถ้าท่านสำรวจดูแล้วว่ามีตลาดรองรับ ก็หาเงินทุน จัดซื้อเครื่องมือ หาผู้ช่วยซัก 2 - 3 คน สมมุติว่าเรามีผู้ช่วยซัก 3 คน ค่าแรงเราก็จ่าย ประมาณวันละ 300 บาทต่อคน     ทำความสะอาดบ้านหนึ่งหลัง ได้เงิน ขั้นต่ำ 2,000. บาท หักค่าผู้ช่วย สามคนก็เก้าร้อยบาท หักค่าน้ำยาประมาณ 100 บาท เหลือเงินเป็นพันบาทนะครับ แต่ที่สำคัญ ในหนึ่งวันเราสามารถรับงานได้ 2-3 หลัง       ก็ลองไปประยุกต์ใช้กับเทคนิคของท่านผู้อ่านดู สำหรับอาชีพนี้ตลาดยังเปิดกว้างอีกมากเลยครับ ขอให้โชคดีกับอาชีพนี้ครับ



วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อีกหนึ่งมุมมองว่าจะทำอาชีพอะไรดี




                         อาชีพทำเงินในโลกใบนี้มีอยู่มากมายเป็นล้าน ๆ อาชีพ แต่อยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าจะเห็นช่องทางทำเงินได้อย่างไร ยิ่งตอนนี้เป็นโลกของอินเตอร์เน็ต โลกของโซเชียล ทำให้โอกาสในการทำเงินง่ายขึ้นไปอีก  โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตถ้าใครหันหามาใช้ช่องทางของอินเตอร์เน็ตในการทำธุรกิจ สามารถหาเงินได้มากมายเพราะทุกช่องทางเป็นเงินไปหมด เช่น เปิดเวบไซต์ขายของ หรือค้าขายผ่านเฟจบุ๊ค ไลน์ อินสตาร์แกรม หรือทวิสเตอร์ การเขียนบทความขายทางอินเตอร์เน็ต การทำแอฟลิแอด  การทำอเมซอน การขายของทางอีเบย์ การขายภาพถ่าย การรับจ้างโพสต์ การเทรดฟอเร็ก   แต่ถ้าใครไม่เก่งเรื่องคอมฯ ก็มีทางเลือกอีกเยอะแยะเหมือนกันครับเช่นเป็นนายหน้า ขายที่ดิน ขายรถมือสอง ขายประกันรถยนต์ ขายตั๋วเครื่องบิน รับจองห้องพักโรงแรม
                          บทความนี้ผมมีมุมมองของการทำเงินอีกประเภทหนึ่ง ที่ง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน และลงทุนน้อย  นั่นคือการเคลื่อนย้ายสินค้าจากแหล่งผลิต  ไปสู่ผู้ที่ต้องการซื้อ หลักการของการทำเงินอาชีพนี้คือ อันดับแรกท่านต้องมีแหล่งผลิตอยู่ในมือก่อน แหล่งผลิตหาได้จากที่ไหนบ้างละ ลองสำรวจบริเวณที่ท่านอาศัยอยู่ก่อนเช่น ถ้าท่านอยู่จังหวัดที่ติดชายทะเล ก็เอาสินค้าทะเลเคลื่อนย้ายไปสู่ผู้ที่ต้องการซื้อ เช่น ร้านซีฟู๊ด หรือจังหวัดที่ไม่ติดชายทะเล  อีกตัวอย่างครับ เช่นในจังหวัดที่ที่ท่านอยู่มีโรงงานผลิตหนังเทียมท่านก็เข้าไปติดต่อที่โรงงาน ว่าขอเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือถามคุยราคาว่าจำหน่ายราคาส่งอยู่ที่ราคาเท่าไหร่  จากนั้น ท่านก็ไปหาลูกค้าที่ต้องการหนังเทียมเช่น ร้านตัดเย็บเบาะรถยนต์ ร้านรับหุ้มโซฟา จำหน่าย  การเคลื่อนย้ายสินค้าอีกอย่างที่น่าสนใจเช่น ถ้าท่านอยู่ภาคอีสาน ท่านก็นำสินค้าภาคใต้ เช่นปลาทูนึ่ง มาติดต่อส่งแม่ค้าในตลาดภาคอีสาน เพราะภาคอีสานไม่มีทะเล แต่ถ้าท่านไม่อยากเดินทางไปติดต่อปลาทูนึ่งที่ภาคใต้ ท่านก็สามารถไปติดต่อถามราคาที่ตลาดค้าส่ง เช่น ตลาดไทย 


ก็เป็นการนำเสนอมุมมองในการหาอาชีพทำเงิน ซึ่งมีอยู่เยอะแยะมากมาย ท่านก็ลองนำไปประยุกต์กับไอเดียของท่านดู ขอให้โชคดีทุกท่าน

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ขายกิ๊ฟชอบใช้ทุนน้อย กำไรเห็น ๆ





     กิ๊ฟช๊อบสำเพ็งแหล่งทำเงินด่วน
                       อาชีพทำเงินอีกหนึ่งช่องทางที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด ง่ายและเร็ว ใช้เงินทุนน้อย มีเงินสดซักหนึ่งหมื่นบาทก็ค้าขายทำกำไรได้แล้วครับ เพราะของประเภทกิ๊ฟช๊อบที่สำเพ็งโดยส่วนมากเขาจะขายเป็นแพ็คหรือเป็นโหล  ผมเดินตลาดนัดหรือตลาดเปิดท้าย ก็มักจะเห็นบ่อยที่พ่อค้าแม่ค้าวางขายประเภททุกอย่าง 10 บาท หรือทุกอย่าง 20 บาท  ถ้าเจ้าไหนวางขายเป็นกองและมีสินค้าเยอะ ๆ ผมมักจะเห็นคนรุมล้อมเลือกกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง  ก็เลยจับทางได้ว่าหลักจิตวิทยาของมนุษย์ คือถ้าสินค้าประเภทเดียวกัน หรือเหมือนกัน โดยขายในราคาเท่ากัน ถ้าอีกคนตั้งวางขายบนโต๊ะ ส่วนอีกคนตั้งวางขายกองกับพื้นเป็นจำนวนมาก  จะเห็นได้ว่าแม่ค้าที่ตั้งวางขายกองกับพื้นจะมีลูกค้าไปรุมล้อมกันมากกว่า เพราะลูกค้ามองว่าเป็นของถูก
           

              ประเภททุกอย่าง 20 บาทนี่แหละครับ ลูกค้าชอบ เช่น กิ๊ฟหนีบผม สายรัดผม ที่คาดผม ผมมองว่าของที่เกี่ยวกับผู้หญิง เป็นอะไรที่ขายง่ายและขายได้ตลอดกาล  สินค้าบางตัวเราซื้อมายกโหล ตกโหลประมาณ 72 บาท เฉลี่ยต้นทุนอันละ 6 บาท แต่เวลาเราขาย ก็จะขายทุกอย่าง 20 บาท กำไรเกินครึ่งเลยนะครับ ขายง่ายขายไว ถ้าเราตั้งราคาสินค้าไม่แพง และมีสินค้าจำนวนมากซักหน่อย


                     ถ้าใครคิดจะทำเงินด่วน แนะนำให้ท่านลองเข้าไปเดินสำรวจดูในตลาดสำเพ็ง บางทีท่านอาจจะปิ๊งไอเดียสินค้าตัวใดตัวหนึ่งก็ได้  เพราะนี่เป็นแหล่งค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้ว และสินค้าก็มีเกือบทุกอย่าง เลือกมาซักตัวสองตัว ที่ถูกใจ วิเคราะห์ให้ละเอียดว่าขายได้เร็วได้ช้า     กลุ่มลูกค้าคือใคร วัยไหนบ้าง ราคาอย่าให้สูงมาก พยายามหาสินค้าที่เวลาเราไปขายราคาไม่สูงมาก คืออย่าเกิน 100 บาท มิเช่นนั้นแล้วอาจจะขายได้ช้า  คือว่าสินค้าราคาต่ำ จะช่วยให้เราขายได้เร็ว เงินของเราไม่จมอยู่กับสินค้า 

                     ก็ขอฝากไว้กับอีกอาชีพทำเงิน ที่ใช้ทุนน้อย    มีเงิน 5,000. - 10,000. ก็เริ่มค้าขายได้แล้ว ถ้าบาดเจ็บก็บาดเจ็บไม่มาก ไม่เหมือนบางงานที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง สำหรับสภาวะเศษฐกิจช่วงนี้

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความต่างของครอบครัว


  ความต่างของครอบครัว

                                       หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับครอบครัวของเรา คุณเคยสงสัยใหมว่า ทำใมครอบครัวของเราถึงไม่เหมือนกับครอบครัวของคนอื่น  ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้ละก็ ผมขอให้คุณเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ครับ  เพราะว่าบรรทัดฐานที่เราจะนำมาใช้กับครอบครัวแต่ละคนนั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือเราไม่สามารถเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ตายตัวได้ครับ  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องหน้าที่การงาน เรื่องนิสัยของพ่อบ้าน หรือนิสัยของแม่บ้าน การเลี้ยงลูก  ฐานนะของแต่ละครอบครัว การศึกษา   บางครอบครัวเรียนเก่งฉลาดกันทั้งบ้าน บางครอบครัวลูกตั้งใจเรียนหนังสือ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ ซึ่งต่างกับอีกครอบครัวที่ลูกไม่ฉลาด ไม่ตั้งใจเรียน ออกจะเกเรด้วยซ้ำ  ผมอยากให้พ่อแม่เปลียนมุมองเสียใหม่ครับ กับเรื่องราวความแตกต่างครอบครัวของเรากับครอบครัวของคนอื่น ผมว่าอาจจะทำให้คุณมีความสุขขึ้นได้นะครับ เช่น ลูกของเราเรียนหนังสือไม่เก่ง ลองคิดใหม่ครับ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งมากหรอกครับ ขอให้เรียนให้จบ เป็นคนดี แล้วออกมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ การศึกษามันไม่ใช่สิ่งเดียวนะครับที่จะตัดสิน  หรือกำหนดโชคชะตาของคน คนรวยของเมืองไทยที่เรียกว่าระดับถึงขั้นเป็นเจ้าสัวหลายคนก็ไม่ได้เรียนหนังสือ  





                               หรือเรื่องความแตกต่างในเรื่องการเงินก็เหมือนกัน ให้เราคิดใหม่ว่าถึงครอบครัวเราจะมีรายได้ไม่มากเหมือนกับครอบครัวอื่น แต่เราวางแผนการใช้จ่ายให้เพียงพอกับรายรับ ถ้าไม่พอก็หาช่องทางเพิ่มรายได้    หรือเรื่องความเจ้าชู้ของพ่อบ้าน ทำใมพ่อบ้านครอบครัวนี้เจ้าชู้เหลือเกิน ครอบครัวอื่นไม่เห็นเจ้าชู้เลย  คิดใหม่ลองมองย้อนกลับในเรื่องข้อดีของเขาบ้าง บางทีข้อดีของพ่อบ้านของเรา ครอบครัวอื่นอาจจะไม่มีก็ได้ครับ 
                               ผมคิดว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบบนโลกใบนี้ หรอกครับสุดท้ายแล้วพยายามคิดบวกเข้าไว้ครับ อย่ามองหาสิ่งที่เราไม่มีสิ่งที่เราขาด ให้เรามองสิ่งที่เรามี แล้วเราจะมีความสุขครับ

นาฬิกาแฟชั่น ฟันเดือนครึ่งแสน





           ขายนาฬิกาแฟชั่น
                    เป็นช่องทางทำเงินอีกหนึ่งอาชีพ ที่น่าสนใจไม่น้อย ใครที่ชอบเดินจตุจักร ตลาดนัด หรือตลาดเปิดท้าย  จะต้องเห็นแผงขายนาฬิกาแฟชั่น ที่เขาขายกัน 99.บาท 199.บาท หรือ 259.บาท ถ้าเรารู้ราคาต้นทุนของนาฬิกาแล้ว เราจะต้องอึ้งแน่นอนครับ เพราะต้นทุนจะตกอยู่ที่ประมาณ ไม่เกิน 60 บาท พ่อค้าแม่ค้าที่ไปซื้อมาแล้วก็จะมาแยกเป็นเกรดอีกที ขายในราคาไม่เท่ากัน 




                     แหล่งหาซื้อสินค้าที่จะนำมาขาย
                    ถ้าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดก็ต้องเป็นสำเพ็ง  เป็นตลาดเช้าไปเลือกเดินดูเลยครับ มีหลายร้าน ค่อย ๆ เดินดูไปเรื่อย ๆ สอบถามราคาให้ชัวร์ก่อน พยายามเดินไปด้านในหน่อยครับราคาจะถูกกว่าด้านนอก เทคนิคในการหาซื้อนาฬิกา เราอาจจะซื้อแบบสายพลาสติกร้านนี้ แล้วไปเลือกแบบสายหนังร้านโน้น แบบสายเหล็กก็เลือกอีกร้านก็ได้ เวลาจะซื้อก็ต้องดูด้วยว่าสภาพเป็นเช่นไร เข็มหลุดหรือไม่ หน้าปัดถลอกมั๊ย อย่าลืมนะครับเราเป็นผู้ซื้อเพราะฉะนั้นต้องดูให้ละเอียด เปรียบเทียบกันหลาย ๆ ร้าน 


                      เมื่อได้นาฬิกามาแล้วก็มาแบ่งเกรดเพื่อที่จะตั้งราคาขาย  ถ้าเป็นสายพลาสติกธรรมดา ก็ขายกันอยู่ที่ 99.บาท ถ้าเป็นสายพลาสติกแบบมีลายการ์ตูนก็ควรขายที่ราคา 159.บาท ถ้าเป็นสายหนังก็อาจจะตั้งราคาที่ 199.บาท และถ้าเป็นสายเหล็กราคาก็อาจจะตั้งได้ที่ 259.บาท เน้นขายง่ายไว้ก่อน พวกถ่านนาฬิกาสำรองก็ควรซื้อมาด้วย ราคาก็ตกประมาณแผงละ 20.บาท

           เงินลงทุนเบื้องต้น
           ควรจะมีซักประมาณ 10,000. บาท เริ่มทดลองขายก็ควรจะเลือกให้คละแบบไว้ก่อน ทั้งสายพลาสติก สายหนัง และสายเหล็ก รวม ๆ กันแล้วก็ควรจะมีซัก 100 เรือน  ตรงส่วนนี้ก็จะใช้เงินประมาณ 6,000.บาท อย่างอื่นก็เป็นอุปกรณ์เสริม เช่นผ้ากำมะหยี่ปูโต๊ะ หรือถาดที่ใส่นาฬิกา ซึ่งหน้าตาก็คล้าย ๆ กับถาดที่ทางร้านทองเขาใส่สร้อยทองขายนั่นแหละครับ มันทำให้สินค้าเราดูดีขึ้นมาก ถาดใส่นาฬิการาคาก็ประมาณ 300 -500 บาท


                   สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดถ้าไม่อยากเดินทางเข้ามาสำเพ็ง  ก็สามารถสั่งซื้อทางเน็ตได้ครับมีหลายร้านที่เปิดเวบไซต์ขายทางเน็ตด้วย  ท่านลองเสริชในกูเกิ้ลว่าขายส่งนาฬิกาแฟชั่น จากนั้นก็ลองเลือกดูร้านไหนดูน่าเชื่อถือก็สั่งได้เลย ผมว่าก็สะดวกดีนะ ไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็คือต้นทุนในการทำการค้าเหมือนกัน 
                   ก็เป็นช่องทางทำเงินอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกันครับ  ลงทุนน้อย ขายง่าย ใครอยากมีรายได้เสริม ก็ลองดูครับ 

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แพ๊คขนมปี๊บส่งร้้านของชำ





                                                                     แพ๊คขนมปี๊บส่งร้านค้า
                   นี่คืออีกหนึ่งอาชีพช่องทางทำเงินที่ง่าย ๆ ครับ อาชีพนี้เป็นงานที่ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องมีโรงงานผลิตสินค้าเอง ตัวคนเดียวก็สามารถทำได้แล้ว ตรอกไหนซอยไหนขอให้มีร้านของชำ หรือซุปเปอร์มาเก็ต ส่งได้ทุกร้าน หอพักนักศึกษา ร้านกาแฟ สหกรณ์โรงเรียน สหกรณ์โรงพยาบาล ส่งได้หมด  เพียงแค่แพ๊คกิ้งบรรจุให้ดูดี น่ากิน ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ภาพข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างการบรรจุแพ๊คกิ้งที่ผมมองว่าดูดี มองแล้วน่าซื้อ


                     แล้วกลุ่มตลาดละ เราจะส่งที่ไหนดี ผมมองว่ากลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
           กลุ่มลูกค้าระดับบน คือเป็นซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ ร้านกาแฟที่ดูดีซักหน่อย หรือซุปเปอร์มาเก็ตตามหอพักนักศึกษา  กลุ่มลูกค้าประเภทนี้รูปแบบร้านจะมีการจัดวางสินค้าที่เป็นระเบียบ มีชั้นวางสินค้าที่เป็นสัดส่วน ราคาที่วางขายอยู่ในร้านประเภทนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20 -40 บาท ถ้าเราจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนเราต้องเน้นการแพ๊คกิ้งให้ดูดีเป็นพิเศษ ให้มองแล้วดูน่าซื้อ น่ากิน โดยส่วนมากถ้าเราส่งทางร้าน 16 บาท ทางร้านก็จะขายอยู่ที่ 20 

            ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ก็จะเป็นร้านขายของชำ หรือซุปเปอร์มาเก็ตขนาดเล็ก หรือตามสหกรณ์โรงเรียน สหกรณ์โรงพยาบาล  ราคาที่วางขายกันอยู่ก็จะประมาณ 10 - 20 บาท อันนี้การแพ๊คกิ้งไม่ต้องถึงกับเลิศหรูมาก แต่ก็ต้องให้ดูดีพอประมาณ  ราคาขายส่งก็จะอยู่ที่ห่อละ 8 บาท ทางร้านก็จะขายในราคา 10 บาท

                      เมื่อรู้กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายแล้ว เราก็มาดูต้นทุน และวัสดูอปกร์ที่ต้องใช้ในการแพ๊คขนมกันครับ   เงินลงทุนขั้นต่ำควรมีซักประมาณ 10,000. บาท โดยแบ่งเป็น
      1. สำหรับซื้อขนมปี๊บขนาด 5 กิโล  ราคาประมาณปี๊บละ 280 - 450 บาท แล้วแต่ชนิดของขนม  โดยอาจจะทดลองซัก 10 ปี๊บก่อน 
      2. เครื่องซีลปากถุง ราคาตั้งแต่ 850 - 3,000. บาท แนะนำว่าควรใช้ราคาประมาณพันกว่าบาทก็พอแล้ว
     3.ถุงใส่สำหรับแพ๊คกิ้ง และตราชื่อของคุณ ถุงใส่นั้นมีขายตามร้านขายอุปกร์ทำเค้กหรือเบเกอรี่ทั่วไป ส่วนตราหรือโลโก้นั้น ถ้าทำเองไม่เป็นก็ไปให้ร้านทำป้าย หรือร้านคอมเขาออกแบบให้ ไม่กี่ตังค์ครับ ทุนตรงนี้ก็ไม่เกิน 2,000. บาท

                      ผมขอแนะนำว่าเราควรทดลองชิมขนมที่เราหมายตาไว้ว่าจะส่งขาย โดยไปทดลองซื้อแบบที่เขาแบ่งขายดูก่อน ซื้อมาชนิดละ สิบหรือยี่สิบบาท เราชิมแล้วถูกใจรสชาติแบบไหน ก็ซื้อยกปี๊บจากแหล่งขายส่ง ซื้อเสร็จแล้วก็มาคำนวนดูว่าตกต้นทุนประมาณกิโลละกี่บาท ถ้า1 กิโลเราจะสามารถแพ๊คได้กี่ถุง  อย่าลืมบวกต้นทุนเรื่องค่าขนส่งไปด้วยนะครับ     เพราะรถต้องใช้น้ำมันในการวิ่งติดต่อส่งขนม  เรื่องเงินก็แล้วแต่เราจะตกลงกับทางร้านที่เราจะไปส่งว่าจะเก็บเป็นเงินสด หรือรอบบิล หนึ่งอาทิตย์มาเก็บเงินก็ได้   อันนี้ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว ถ้าแพ๊คกิ้งดูดี ราคาไม่แพง รสชาติถูกปากลูกค้ายังไงก็ขายได้ ขึ้นชื่อว่าของกิน  ฝากเป็นเคล็ดลับนิดหนึ่งครับ ถ้าร้านไหนมีชั้นวางสินค้าเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนมักจะขายดี ถ้าเลือกเจาะกลุ่มได้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่

                      ใครสนใจอยากหารายได้เสริมก็น่าสนใจนะครับ คนมีงานประจำอยู่แล้วก็สามารถทำได้        วางแผนการติดต่อส่งร้านค้า วนรอบหนึ่งอาทิตย์ก็ไปเช็คดูสักครั้ง ผูกมิตรกับร้านค้าไว้ ยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาพูดคุยติดต่อ มีขนมให้เจ้าของร้านได้ลองชิมดูบ้าง ได้ใจเขาแน่นอน ก็ฝากไว้อีกหนึ่งอาชีพช่องทางทำเงินครับ


วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เพาะเลี้ยงปลากะเบน กำไรเดือนละแสน






เลี้ยงปลากะเบนกำไรเดือนละแสน

               พอดีไปอ่านเจอของเวปมติชนออนไลน์ เห็นว่าน่าสนใจมากก็เลยรวบรวมข้อมูลนำมาให้อ่านกันครับ  ถือว่าเป็นช่องทางทำเงินที่น่าสนใจอีกหนึ่งอาชีพครับ  ผู้เลี้ยงที่ประสบความสำเร็จชื่อ คุณศักดิพัฒน์ พัฒนะ  เขาบอกว่ามีสายพันธุ์ปลากะเบนเด่นอยู่ 4 ชนิด คือซุปเปอร์ไฮบริด ไฮบริด โดลกาดอท โพเฮนลาย และอีกหลายสายพันธุ์             ปลากะเบนเป็นปลากระดูกอ่อน ที่พบได้ทั้งในน้ำจีดน้ำเค็ม และน้ำกร่อย พบอยู่ทั่วโลกประมาณ 400 สายพันธุ์  และในปัจจุบัน ปลากะเบนที่นิยมเลี้ยงกันเป็นปลากะเบนหางสั้น     ปลากะเบนหางสั้นมีถิ่นกำเนิดจากกลุ่มน้ำอเมซอนในประเทศแถบอเมริกาใต้ เมื่อก่อนในบ้านเรา หากใครอยากเลี้ยงปลาชนิดนี้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีการเพาะเลี้ยงไม่ต้องไปหาซื้อไกลเหมือนแต่ก่อนแล้ว
            ความได้เปรียบประการหนึ่งของการเพาะเลี้ยงปลาพันธุ์นี้ นั่นคือ เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ไม่มีโรคประจำตัว มีความต้านทานสูง อาจจะมีแผลเล็กน้อยก็เนื่องจากการไล่กัดกันเอง ซึ่งหลังจากใสยาปฏิชีวนะ ก็จะหายเป็นปกติ

  
          สำหรับการเลี้ยงปลากระเบน แบ่งการเลี้ยงออกเป็น 2 แบบ คือ เลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ ปีครึ่งถึงสองปี ตัวจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 14-15 นิ้ว พอตั้งท้องจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน จากนั้นคลอดออกมาจะได้ลูกปลาครั้งละ 6 ตัว นำไปเลี้ยงอนุบาลประมาณ 1 เดือน ความยาวจะได้ประมาณ 4 นิ้ว เริ่มเห็นลายก็นำไปขายได้แล้ว
แบบที่สอง ก็คือ ซื้อลูกปลากระเบนมาเลี้ยงและขุนจนโตนำไปขาย โดยที่ไม่ต้องผสมพันธุ์เอง

ส่วนบ่อเลี้ยง จะใช้ระบบกรองน้ำหมุนเวียน และเพิ่มอ๊อกซิเจนภายในบ่อให้กับปลา และมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นประจำ เพื่อรัษาคุณภาพน้ำให้ดีอยู่เสมอ...

อาหารของปลากระเบน เนื่องจากเป็นปลาที่ชอบกินของคาว ใช้เนื้อปลาแล่เป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ  ให้วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น)  และเสริมด้วยไส้เดือนดิน ที่เลี้ยงไว้เอง

และในแง่ความสวยงาม ปลาชนิดนี้ มีหลากหลายสายพันธุ์ และสามารถผสมข้ามสายพันธุ์ จนได้ลูกออกมามีลวดลายแปลกขึ้นเรื่อยๆ

ปลากระเบนอายุ 2 ปีจะเริ่มผสมพันธุ์ได้ และใช้เวลาตั้งท้องนาน 3 เดือน ให้ลูกเฉลี่ยครั้งละ 6-8 ตัว  แต่เคยมีสถิติให้น้อยที่สุด 1 ตัว และให้มากที่สุดถึง 20 ตัวลูกปลากระเบนอายุ  1 เดือน จะเริ่มขายได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว โดยมีราคาตั้งแต่ ตัวละ 600-900 ไปจนถึงคู่ละ 60,000-80,000 "

ส่วนการดูแลโดยทั่วไป ไม่มีอะไรยุ่งยาก  เพียงแต่ต้องเอาใจใส่ดูแลเหมือนการดูแลสัตว์เลี้ยงทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เลี้ยงบอกมาและน่าสนใจมากนั่นคือ ปลากระเบนทุกตัวขายได้แน่ๆ  

การเลี้ยงปลากระเบนเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งมีเทคนิคการเลี้ยง คือ ให้ปลากระเบนคนละสายพันธุ์มาผสมเพื่อให้มีลายสวยงามซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่น ปลากระเบนพันธุ์ โมโตโล ที่มีราคาหลักร้อย เมื่อน้ำไปผสมกับปลากระเบน โพลกาดอท ในราคาหลักหมื่น แล้วเอามาผสมกับปลากระเบนพันธุ์โพลเฮนลาย ก็จะได้ปลากระเบนพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่าไฮบริด ที่มีลวดลายสวยและราคาแพง

สำหรับต้นทุนการเลี้ยงปลากระเบน  เริ่มต้นด้วยการสร้างบ่อที่มีระบบการหมุ่นเวียนน้ำ ซึ่งใช้เงินประมาณหลักหมื่น ส่วนตัวปลากระเบนแล้วแต่สายพันธุ์ ถ้าเพศเมียจะแพงกว่าเพศผู้ มีราคาตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหมื่นบาท
                      ก็น่าสนใจมากนะครับสำหรับอาชีพนี้ ท่านไหนอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ลองเข้าไปอ่านได้ที่เวปมติชนออนไลน์ www.matichon.co.th ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่ผมได้นำมาให้อ่านกัน  ต้องขอขอบคุณทางเวปมติชนออนไลน์ด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ส่งอาหารทะเลร้านซีฟู๊ด




 อาชีพส่งอาหารทะเลร้านซีฟู๊ด

                   อีกหนึ่งอาชีพช่องทางทำเงินที่น่าสนใจมากครับ อาชีพนี้ถ้าใครที่มีรถปิคอัพอยู่แล้วจะได้เปรียบขึ้นมาหน่อย และถ้ายิ่งได้อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ เช่นแพปลา หรือบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงหอย เลี้ยงกุ้งจะยิ่งดีเข้าไปอีก  เดี๋ยวนี้คนนิยมอาหารทะเลกันมากครับ จะเห็นว่าร้านอาหารซีฟู๊ดเพิ่มขึ้นเยอะแยะมากมาย  

                    ลักษณะของงานคือเราจะเน้นสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง หรือจะเน้นความหลากหลายของสินค้าก็ได้  ผมอยู่ทางภาคใต้เห็นเพื่อนผมทำอาชีพนี้ ก็เลยพอมีข้อมูลอยู่บ้าง  ตัวงานมันก็บอกอยู่แล้วคือส่งอาหารทะเลซีฟู๊ด  คือการเข้าไปติดต่อร้านซีฟู๊ด ว่าเรามีวัตถุดิบเป็นอาหารทะเล เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาดุกทะเล กุ้งแชบ๋วย หอยนางรม หอยแครง ปูดำ ปลาหมึก  ก่อนติดต่อร้านอาหาร เราก็ต้องไปติดต่อที่แพปลา หรือบ่อเลี้ยงปลาก่อน สอบถามราคารายการวัตถุดิบแต่ละอย่าง  พอได้ราคามาแล้วก็ดำเนินการติดต่อร้านซีฟู๊ด  สิ่งสำคัญที่ร้านซีฟู๊ดต้องการ คือของต้องสดใหม่ ราคาก็ไม่ควรแพงกว่าท้องตลาด  และมีสินค้าแน่นอนสม่ำเสมอ เพื่อนของผมที่ทำอาชีพนี้เขาบอกว่า โดยส่วนมากร้านซีฟู๊ดขนาดใหญ่จะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องราคา ถ้าไม่แตกต่างจากตลาดสดมากเกินไป เวลาเราไปนำเสนอร้านซีฟู๊ดเราก็บอกว่าของเราสดใหม่เสมอ และมีสินค้าแน่นอน โดยส่วนมากทางร้านเขาจะชอบตรงที่ความสะดวก และมีสินค้าไม่ขาด ขอยกตัวอย่างเช่น ปูดำไข่ ไซต์ 4 ตัวโล ตลาดสดขายอยู่ที่ กิโลละ 500 บาท แต่ถ้าเราไปซื้อที่แพปลาจะอยู่ที่ประมาณ  380-420 บาท นั่นละครับผลต่างของราคาที่เราสามารถมีกำไรจากราคาปูดำ  เวลาเราไปนำเสนอ เราก็จะบอกราคาประมาณ 490 บาท ซึ่งถูกกว่าตลาดสดประมาณ 10 บาท แถมมาส่งให้ถึงร้านอีก ร้านซีฟู๊ดจึงชอบไงละครับ  ถ้าเรามีลูกค้าเป็นร้านซีฟู๊ดขนาดใหญ่ เวลาช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ หรือวันหยุดยาวต่าง ๆ ทางร้านจะสั่งออเดอร์เยอะมาก ช่วงนี้จะเป็นช่วงทำเงินของอาชีพนี้เลยละครับ


                    ถ้าใครมีรถปิคอัพอยู่แล้ว และอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพช่องทางทำเงินที่น่าสนใจนะครับ  เริ่มแรกใช้เงินทุนหมุนเวียนประมาณ 20,000. ก็น่าจะเพียงพอ ก็แล้วแต่ตกลงกับทางร้านว่าจะคิดแบบเงินสดเที่ยวต่อเที่ยว หรือแบบจ่ายเก่าเอาใหม่ก็ว่ากันไป แต่ถ้าใครได้ไปติดต่อแพปลาจะรู้เลยว่าส่วนต่างของราคาระหว่างแพปลา กับตลาดสด สามารถทำเงินให้เราได้แน่นอน  ใครยังนึกไม่ออกว่าจะทำอาชีพอะไรดี ก็ฝากไว้เป็นข้อมูลครับ  ท่านไหนชอบบทความนี้ก็ฝากกดถูกใจหรือช่วยแชร์ต่อให้เพื่อนด้วยนะครับ

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เป็นเจ้าของตลาดเปิดท้าย




                                          เป็นเถ้าแก่ตลาดนัด ตลาดเปิดท้าย

                        นี่เป็นช่องทางทำเงินอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ควรมองข้ามในยุคที่คนฉลาดเลือกขึ้น  เดี๋ยวนี้ก็เป็นที่ทราบกันอยู่ว่าพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของคนเรา มีความได้เปรียบกันมากขึ้น ตัวเลือกในการจับจ่ายใช้สอยมีเยอะแยะมากมาย คนเดี๋ยวนี้ไม่ผูกยึดติดกับในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของทางอินเตอร์เน็ต หรือตลาดเปิดท้าย ก็มีสินค้าให้เราเลือกได้สารพัดอย่าง ราคาก็ถูกกว่าในห้างอีกด้วย  จะเห็นได้ว่า ตลาดนัดและตลาดเปิดท้ายมีอยู่ทุกหัวเมืองใหญ่ ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีช่องว่างให้เสมอสำหรับคนที่มองเห็นโอกาส ลองมองสำรวจดูครับ สำหรับบางท่านอาจจะมีที่ดินอยู่แล้วถ้าอยู่ในทำเลที่สวย ๆ ซักหน่อย ที่จอดรถสะดวก  ผมเห็นบางเจ้าเขาลงทุนเช่าที่คนอื่นเลยนะครับ ถ้าตลาดติดแล้วเสือนอนกินเหมือนกัน เป็นเจ้าของตลาดเนี่ย

                 

มาดูองค์ประกอบหลัก ๆ ในการเปิดตลาดนัดเปิดท้ายกันครับ อันดับแรกคือทำเล ตลาดของเราอยู่ในย่าน หรือใกล้ชุมชนหรือไม่  อันดับสองคือสถานที่จอดรถ เพียงพอและก็สะดวกหรือไม่  อันดับที่สามคือเรื่องของเงินทุน  อันดับที่สี่คือเรื่องของสภาพของตลาด เช่น เป็นพื้นดิน หรือพื้นคอนกรีต  ที่ผมนับเรื่องเงินทุนเป็นอันดับสาม ก็เพราะว่าอันดับแรกคนทำตลาดต้องมองโอกาสให้ออกก่อนครับ  ถ้ามองเห็นโอกาส จะมองออกว่าทำเลตรงไหนเหมาะกับการทำตลาด  เคยมีกรณีศึกษาเป็นตัวอย่างครับ แกชื่อว่าเฮียตี่ เริ่มแรกแกไปเช่าแผงหน้าโลตัสเพื่อขายสินค้าทุกอย่าง 20 บาท ขนาดของแผงก็ประมาณ 2x10 ม. แผงขายของแกอยู่ด้านนอกตัวอาคาร ซึ่งเป็นทางออกไปลานจอดรถ แกเช่าแผงของโลตัสขายของอยู่ประมาณ 3 เดือน กิจการของแกก็นับว่าขายดีใช้ได้ แต่แล้วแกก็มองเห็นโอกาสนั่นคือลานจอดรถของโลตัสสาขานั้น ลานจอดรถมันกว้างขวาง พื้นคอนกรีตอย่างดี ที่จอดรถก็มีหลังคาให้เรียบร้อย แกจึงเดินหน้าเจรจากับผู้จัดการขอเช่าพื้นที่ลานจอดรถส่วนหนึ่ง พื้นที่ประมาณ 1ใน 4 ของพื้นที่ลานจอดรถทั้งหมด โดยเฮียตี่แกบอกกับผู้จัดการว่า ผมจะเช่าทำตลาดเปิดท้าย ผมจะดึงคนมาโลตัสเยอะ ๆ ผุ้จัดการโลตัสเห็นดีด้วย ก็มีการทำสํญญากับทางโลตัส โดยเฮียตี่แกเปิดเป็นตลาดเปิดท้ายฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ตอนเย็นจนถึงประมาณ สี่ทุ่ม  สองอาทิตย์แรกที่เปิดจองปรากฏว่าพ่อค้าแม่ค้าจองกันเต็มหมดเลยครับ แกลงทุนจ้างรถแห่โฆษณาอยู่ประมาณสามสี่วัน โดยเดือนแรกแกให้แม่ค้าขายฟรีไม่คิดค่าแผง  ตอนนี้ตลาดเปิดท้ายของแกติดลมบนไปแล้ว 

                  เริ่มแรกต้องมองเห็นโอกาสก่อนครับ เรื่องเงินทุนมันจะตามมาทีหลัง จริง ๆ แล้วโอกาสมีอยู่รอบตัวเราครับ       ในการจะมองหาช่องทางทำเงิน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพทำเงินที่น่าสนใจเหมือนกันครับ  ถ้าชอบบทความนี้ฝากกดแชร์ด้านล่างให้คนอื่นได้อ่านด้วยครับ ขอบคุณครับ